วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

การเเข่งขันกอล์ฟในระบบ36SYSTEM

การเเข่งขันกอล์ฟในระบบ36SYSTEM


             ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่า การแข่งขันด้วยระบบ System 36 กำลังเป็นที่นิยมนำมาเป็นวิธีในการแข่งขันกอล์ฟกันอย่างแพร่หลาย เหตุผลหลักก็คือ เพื่อเป็นการป้องกันการดองแต้มต่อ(Handicap- HCP) ซึ่งใช้ได้ผลดี มีความท้าทาย เปิดโอกาสให้ผู้เล่นที่ชอบเล่นเกมส์บุกได้ทดสอบฝีมือ และทดสอบดวง ถ้าทำเบอร์ดี้ได้ถือว่าเป็นรางวัล และถ้วยรางวัลก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ถ้าบุกแล้วพลาด ตีตกน้ำ หรือตี Out of Bound (OB) เก็บดับเบิลโบกี้ไม่ได้ ก็จะถูกทำโทษ สำหรับคนที่เล่นแบบทนุถนอม ก็มีโอกาสทำสแควร์สนาม (เน็ท) ได้ คอยให้คนที่ตีบุกทำพลาด หวังเพียงส้มหล่น ก็เพียงพอ

ระบบ System 36 คืออะไร

ระบบ System 36 คืออะไร

ระบบ System 36 เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการคิดแต้มต่อผู้แข่งขันกอล์ฟ ระบบนี้เริ่มแรกในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยม มีขั้นตอนการคิดแต้มต่อไปนี้
1. นับจำนวนแต้ม (Point) ในแต่ละหลุม
พาร์หรือดีกว่า ได้ 2 แต้ม (Pn=2)
โบกี้ได้ 1 แต้ม (Pn=1)
ดับเบิลโบกี้ หรือแย่กว่า ไม่มีแต้ม (Pn=0)
โดยที่ คือจำนวนหลุม 1,2,……,18
2. รวม Point ทั้ง 18 หลุม
SUM = P1 + P2+…….+P18
3. หาแต้มต่อโดยสมการ
HCP = 36 - SUM

แต่มีเงื่อนไขว่า แต้มต่อต้องไม่เกิน 24 ถ้าเกินให้ถือแต้มต่อสูงสุด 24

การแข่งขันกอล์ฟในระบบ36 System

การแข่งขันกอล์ฟในระบบ36 System

คือการกำหนดแต้มต่อไว้ไม่เกิน 36  แต้มต่อของเบอร์ดี้ พาร์ โบกี้ ดับเบิ้ล
โบกี้ มีการกำหนดไว้ดังนี้
วิธีที่  1 : น้อยกว่า พาร์  หรือ พาร์ แต้มต่อ = แต้ม
            ดับเบิ้ลโบกี้ หรือ มากกว่าดับเบิ้ลโบกี้ แต้มต่อ = แต้ม
             คิดวิธีนี้ จะได้แต้มต่อทันที
วิธีที่  2 : ถ้าพาร์ หรือดีกว่า พาร์  = 2 แต้ม
            ถ้าโบกี้      = 1 แต้ม
            ดับเบิ้ลโบกี้ หรือมากกว่าดับเบิ้ลโบกี้ = 0  แต้ม
            ถ้าใช้วิธีนี้ เมื่อคำนวนแต้มได้เท่าไร ให้นำไปหักออกจาก 36 ก็จะเป็นแต้มต่อที่ใช้คำนวนในวันนั้น
            เช่น 18 หลุม รวมคะแนนได้เท่ากับ  85 โดยมี พาร์  6 โบกี้ ดับเบิ้ลโบกี้ และ ทริบเปิ้ลโบกี้ ดังนั้นคะแนนสุทธิ
    เท่ากับ   9 Par  x 2  = 18
              6 Bogey  x 1 = 6
               2  Double x 0 = 0
               1  Tripble x 0 = 0
ดังนั้นแต้มต่อ = 36 - (18+6) = 12
คะแนนสุทธิ = 85 - 12 = 73

การคิดคะแนนแบบ Stroke play
เป็นการแข่งขันที่ผู้เล่นจะต้องแจ้งแต้มต่อให้กับคณะกรรมการแข่งขัน
ทราบก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เมื่อจบการแข่งขัน Score ได้เท่าไร 
นำแต้มต่อที่แจ้งไปลบออกจาก Score

ก็จะเป็นคะแนนสุทธิ

เคล็ดลับในการคิดคะแนน



                                      เคล็ดลับในการคิดคะแนน

เคล็ดลับในการคิดคะแนน
1. เมื่อท่านทราบแต้มต่อแล้ว สามารถคิดคะแนนตามวิธีเดิมคือ
คะแนนสุทธิ - แต้มต่อ = คะแนนเน็ท
คะแนนสุทธิ - แต้มต่อ - 72 = อันเดอร์สนาม (เฉพาะสนามพาร์ 72, ถ้าพาร์ 71 ใช้ -71แทน) เช่น ตีออก 93 แต้มต่อ 20 (เหลือเงิน 20 บาท) จะได้คะแนนเน็ท 93 - 20 = 73อันเดอร์สนาม 73 - 72 = +1 หนึ่งโอเวอร์
2. ใช้ผลต่างจากจำนวนเบอร์ดี้ที่ทำได้ และจำนวนที่ตีเกินทริปเบิล คือ จำนวนเบอร์ดี้นับ -1,อีเกิลนับ -2,….. ส่วนที่เกินดับเบิลโบกี้ นับเป็นบวก เกินดับเบิลอยู่หนึ่งสโตรกนับ +1, สองสโตรกนับ +2,…..แล้วนำผลมารวมกัน เช่น เล่นครบ 18 หลุม
ได้สองเบอร์ดี้ ไม่เกินดับเบิลเลย จะได้ -2 คือสองอันเดอร์ หรือคะแนนเน็ท 72 - 2 = 70
ได้หนึ่งเบอร์ดี้ เกินดับเบิลหนึ่งหลุม พาร์สามออกเจ็ด จะได้ -1 +2 = +1 ตีเกินหนึ่งเน็ท 73
หมายเหตุ ห้ามตีเกินดับเบิลโบกี้โดยเด็ดขาด ขณะเดียวกันพยายามทำเบอร์ดี้ให้มากที่สุด

เคล็ดลับในการจำ



เคล็ดลับในการจำ

อย่ากังวลกับวิธีคิดแต้มต่อในข้อ 1 ถึงข้อ 3 มีหลักการคิดง่ายๆ คือ สมมุติว่าท่านมีก้อนอิฐอยู่ 36 ก้อน หลุมไหนตีได้พาร์หรือดีกว่า(เบอร์ดี้,อีเกิล) ก็โยนทั้งไป 2 ก้อน ถ้าได้โบกี้ก็โยนทั้ง 1 ก้อน แต่ถ้าตีออกดับเบิล หรือแย่กว่า(ทริปเบิล+) ก็ไม่ต้องโยนทิ้ง ครบ 18 หลุมเหลือก้อนอิฐกี่ก้อน นั่นแหละคือแต้มต่อของท่านตามระบบSystem 36

สำหรับการแข่งขันจริง ท่านไม่สามารถพกพาก้อนอิฐจำนวน 36 ก้อนได้ วิธีที่สะดวกคือนำเศษเงินไปด้วย 36 บาท (เหรียญบาท 6 เหรียญเหรียญห้าบาท และเหรียญสิบบาทอย่างละ 2 เหรียญ) แทนที่จะโยนทิ้งก็เป็นค่าติปแคดดี้แทน ตีโบกี้ให้ติป 1 บาท ตีพาร์หรือเบอร์ดี้ก็ให้ 2 บาท นอกจากจะใช้หาแต้มต่อได้แล้วยังใช้มาร์กลูกได้อีกด้วย

ตีอย่างไรถึงจะได้รางวัล




ตีอย่างไรถึงจะได้รางวัล

ไม่จำเป็นต้องถือแต้มต่อตัวเดียว ท่านก็สามารถคว้ารางวัลได้ เพียงแต่อาศัยช่องโหว่ของกฎและเทคนิคเพิ่มเติมดังนี้
1. ถ้าปกอยู่ ท่านอยู่ Flight A (แต้มต่อ 1 - 12) ควรใช้เกมส์บุกเพื่อหวังเบอร์ดี้ ไม่ว่าจะมีความมั่นใจหรือไม่ แต่ถ้าพลาดในชอตแรก ไม่ต้องบุกต่อ เพราะถึงได้พาร์ก็ไม่มีประโยชน์มากนัก ถ้าพลาดอีกครั้งท่านหมดสิทธิ์รับรางวัลแน่นอน พยายามเล่น safe อย่าเกินดับเบิลจะดีกว่า      
2. ถ้าปกติท่านอยู่ Flight B (แต้มต่อ 13 - 24) พยายามใช้เกมส์บุกเช่นเดียวกัน ถ้าไม่มั่นใจอย่าฝืน เช่น ตีข้ามน้ำระยะ Carry เกินกว่า 200 หลา พาร์ 5 พยายามตีวางตัวสาม on แล้วลุ้นยิงเบอร์ดี้จะดีกว่า
3. ถ้าปกติอื่นอยู่ Flight C (แต้มต่อ 19 - 24) ใช้หลักการตีแบบทนุถนอมจะดีที่สุด ให้เลือกบุกเฉพาะเมื่อเห็นว่าปลอดภัย เช่น แฟร์เวย์กว้าง ไม่มีน้ำขวาง ถ้าท่านบุกกรณีนอกจากนี้แล้วพลาด โอกาสที่จะ safe ดับเบิลโบกี้ค่อนข้างริบหรี่ ข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ
ไดร์ฟด้วยไม้สาม
เล่นลูกบนแฟร์เวย์ระยะไกลด้วยไม้ห้า
อย่าใช้เหล็กสูงกว่าเหล็กห้า
ลูกมีอุปสรรคขวาง เคาะออกมาแฟร์เวย์ก่อน
4. ลูกบนกรีน มีโอกาสยิงเบอร์ดี้ ให้พัตชาร์จทันที กะพัตให้เลยหลุมไว้ แม้ว่าจะพัตเลยหนึ่งคันธงยังไม่มีผลเสีย เพียงแต่เก็บดับเบิลโบกี้ให้ได้ ยกเว้นท่านกำลังเล่นกินเงินกับเพื่อนอยู่
5. ลูกอยู่ข้างกรีน กำลังชิปเบอร์ดี้ต้องรีบชิปให้เลยธงเข้าไว้ รวมถึงลูกที่อยู่ในหลุมทรายข้างกรีนด้วย
6. ตีลูกขึ้นกรีนระยะไม่เกิน 150 หลา ชอตอีเกิล (เช่น ชอตสามพาร์ห้าชอตสองพาร์สี่) มีอุปสรรคหลุมทราย ต้นไม้หรือน้ำขวาง บุกได้ทันที
7. ใช้กฎของการคิดรางวัลให้เป็นประโยชน์
สำหรับ Low Gross ถ้าเสมอกัน แต้มต่อน้อยกว่าจะได้รับรางวัล ถ้าท่านถือแต้มต่อตัวเดียวและมีลุ้น ก็เล่น Safe ไว้บ้าง เนื่องจาก Low Gross ส่วนใหญ่จะมีรางวัลเดียว ถือว่ามีความสำคัญ สำหรับท่านที่ถือแต้มต่อสองตัวไม่ควรลุ้นรางวัลนี้
สำหรับ Low Net ถ้าเสมอกัน แต้มต่อต่ำกว่าเป็นผู้ชนะ กติกามีความสำคัญมาก เพราะทุก Flight จะมีสามรางวัลขึ้นไป เคล็ดลับก็คือ พยายามตีบังคับให้ได้แต้มต่ออยู่ต้น Flight ไว้ เช่น ตีให้แต้มต่ออยู่ที่ 13 แต้ม (ต้น Flight B) หรือ 19 แต้ม (ต้น Flight CC) ถ้าผลการแข่งขันออกมาคะแนนเน็ท 72 หรือ 73 ท่านก็มีสิทธิ์รับรางวัลก่อนคนที่อยู่ปลาย Flight (แต้มต่อ 18 หรือ 24) ส่วนเทคนิคจะกล่าวไว้ในข้อ 8.
สำหรับ Low Net ถ้าเสมอกันและแต้มต่อเท่ากันอีกด้วย จะใช้การเปรียบเทียบคะแนนหลุมต่อหลุม ตั้งหลุมแรกเป็นต้นไป ฉะนั้นสองหลุมแรกท่านอย่ารีบบุก ควรเก็บพาร์ไว้ก่อน

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับโปรแกรม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กอล์ฟ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับโปรแกรม

โปรแกรมนี้เขียนขึ้นสำหรับคิดแต้มต่อสำหรับสนามกฤษดาซิตี้กอล์ฟฮิลล์ ถ้าจะนำไปใช้สนามอื่น ควรแก้บรรทัดที่ 150 ถึง 200 ตามพาร์ของสนามจริง หรือบรรทัด150 ถึง 200 ออก แล้วป้อนข้อมูลพาร์สนามทั้ง 18 หลุมเป็น Data แล้วอ่านเก็บเป็นPAR(i) แต่ถ้าไม่ต้องการแก้ไขบ่อยๆ ให้รวบรวมข้อมูลทุกสนามเก็บไว้เป็น Data File ถ้าเขียนโปรแกรมด้วย MS Access ให้สร้าง Table ไว้เลย แต่ถ้าเขียนด้วย Visual Basic เลือกตามถนัด สามารถสร้างแบบฟอร์มตามต้องการ และนำเสนอโดยฉายโปรเจ็คโดยตรง